กิจกรรมที่ 2.3 การแปลงชนิดข้อมูลและฟังก์ชันสำเร็จรูป
จุดประสงค์การเรียนรู้ :
1. อธิบายเกี่ยวกับการแปลงชนิดข้อมูลและฟังก์ชันสำเร็จรูปได้
2. เขียนคำสั่งภาษา C# เพื่อแปลงชนิดข้อมูลและเรียกใช้งานฟังก์ชันสำเร็จรูปได้
1. การแปลงชนิดข้อมูลในภาษา c#
การแปลงชนิดข้อมูลในภาษา c# หากข้อมูลไม่ใช่ชนิดเดียวกันจะไม่สามารถนำมากระทำการใดๆ กันได้ จึงต้องมีการแปลงชนิดข้อมูลให้เป็นชนิดเดียวกันก่อน ซึ่งมีรูปแบบการแปลงชนิดข้อมูล ดังนี้
-
implicit type conversion
-
explicit type conversion
-
การใช้ เมธอด Parse
-
การใช้ เมธอด ToString
1) Implicit type conversion คือ เป็นการแปลงชนิดข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เกิดจากการที่เรานำข้อมูลชนิดเดียวกันหรือต่างกันมากระทำกันทางคณิตศาสตร์ แล้วผลลัพธ์ที่ได้เกินขอบเขตของชนิดข้อมูล โดยจะแปลงไปสู่ขนาดของข้อมูลที่ใหญ่กว่าเสมอ ตามลำดับนัยสำคัญ ดังนี้
ตัวอย่างที่ 1
ผลลัพธ์ (answer) ที่ได้จะถูกแปลงเป็นชนิด double โดยอัตโนมัติ เนื่องจาก number2 เป็นชนิดข้อมูลแบบ double ซึ่งใหญ่กว่า number1 ที่เป็นชนิดข้อมูลแบบ int
ตัวอย่างที่ 2
ชนิดข้อมูลที่นำมารองรับไม่จำเป็นต้องเป็น double ก็ได้ เพียงแต่ขอให้รองรับกับผลลัพธ์ของ number1 + number2 ได้ก็พอ
ตัวอย่างที่ 3 เป็นตัวอย่างที่กำหนดชนิดข้อมูลผิด
จะทำให้โปรแกรม error เพราะเกินขอบเขตของตัวแปร int
2) Explicit type conversion คือ ผู้เขียนโปรแกรมทําการแปลงชนิดข้อมูลหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่งด้วยตัวเอง การแปลงชนิดข้อมูลนี้เรียกอีกอย่างว่า cast ซึ่งทําได้โดยระบุชนิดข้อมูลปลายทางที่ต้องการไว้ในวงเล็บ แล้ววางไว้หน้านิพจน์ที่ต้องการแปลงชนิดข้อมูล
ตัวอย่าง1
จะเป็นการแปลง number1 + number2 เป็นข้อมูลชนิด int เพื่อที่จะทำให้ไม่เกินขอบเขตของตัวแปร Result ที่มารับ (ผลลัพธ์ที่เป็นทศนิยมจะถูกปัดทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้)
3) การใช้ เมธอด Parse คือ เป็นการแปลงข้อมูลชนิด string หรือข้อความให้เป็นข้อมูลชนิดตัวเลข
ตัวอย่างที่ 1
เป็นการแปลงข้อมูลที่รับจาก textBox1 ซึ่งเป็นชนิดข้อมูลแบบข้อความ(string) ให้เป็นชนิดข้อมูลแบบตัวเลขจำนวนเต็ม(int) แล้วเก็บค่าในตัวแปร i
ตัวอย่างที่ 2
เป็นการแปลงข้อมูล “22.45” ซึ่งเป็นชนิดข้อมูลแบบข้อความ(string) ให้เป็นชนิดข้อมูลแบบตัวเลขทศนิยม(double)
แล้วเก็บค่าในตัวแปร i
4) การใช้ เมธอด Tostring คือ เป็นการแปลงข้อมูลประเภทใดๆ ให้เป็นข้อมูลชนิดแบบข้อความ
ตัวอย่างที่ 1
เป็นการแปลงตัวเลข 20 ซึ่งเป็นข้อมูลชนิดจำนวนเต็ม (int) ให้เป็นชนิดข้อมูลแบบข้อความ แล้วแสดงผลใน textBox1
(textbox จะแสดงผลได้เฉพาะข้อมูลแบบข้อความ string)
ตัวอย่างที่ 2
เป็นการแปลงข้อมูลวันเวลาปัจจุบันให้เป็นชนิดข้อมูลแบบข้อความแล้วเก็บค่าในตัวแปร tme
2. ฟังก์ชันสำเร็จรูป
เป็นฟังก์ชันที่สามารถเขียนเรียกใช้งานได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องมาเขียนฟังก์ชันเองทำให้ผู้ใช้งานสะดวกในการนำมาใช้งาน ดังนี้
1. ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ คือฟังก์ชันที่ใช้ในการคำนวณค่าทางคณิตศาสตร์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีเทท็อด (Method) ที่ใช้งานดังนี้
2. ฟังก์ชันเกี่ยวกับ String คือ ฟังก์ชันที่ใช้ในการจัดการเกี่ยวกับข้อความ โดยมีเมท็อดที่ใช้งาน ดังนี้
3. ฟังก์ชันเกี่ยวกับเวลา คือ ฟังก์ชันที่ใช้ในการจัดการเกี่ยวกับเวลา โดยมีเมท็อดที่ใช้งาน ดังนี้